ป้ายกำกับ

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บทเรียนที่ 1 การลอยตัว

หลังจากเราคุ้นเคยกับน้ำในสระแล้ว การเป่าลมก็.... โอเคแล้ว คราวนี้เรามาเริ่มการลอยตัว ตีขากันดีกว่า ( ปรกติแล้ว ปลาจะไม่ได้สอนลอยตัวตั้งแต่ แต่จะไปสอนครั้งสุดท้ายของคอร์ส จะเอาไปรวมกับการลอยตัวและการทำลูกหมาตกน้ำ )

แต่อันนี้ปลาต้องสอนก่อนเพราะว่าเราเอาไว้เรียนเอง และเอาไว้ช่วยตัวเองถ้าเผื่อเราเลยไปเล่นที่น้ำลึก  เอาหละเรามาเริ่มกันเลยแล้วกัน  ก่อนอื่นนั่งที่ขอบสระ ยื่นขาออกมาเสมอผิวน้ำ จากนั้นงุ้มปลายเท้าลงให้เหมือนเท้ากับขายาวเหมือนไม้บรรทัด (ตามรูป) แต่ไม่ต้องถึงขนาดเกร็งจนเกินไป แค่งุ้มก็พอ



งุ้มปลายเท้าลงชี้ไปที่ด้านหน้า ขณะนั่งอยู่ขอบสระ

จากนั้นก็เริ่มเตะขาขึ้นลงสลับซ้ายขวา เตะขาไปเรื่อยนับ 1-20 จากนั้นก็หยุดแล้วก็เริ่มเตะใหม่ รวมทั้งฝึกหายใจเข้าทางปากและออกทางจมูก (ถือว่าเป็นการ Warm Up ไปในตัวได้ด้วย )

หลังจากนั้นก็ลงน้ำคะ เอามือเกาะขอบสระเอาไว้ ยืดขาออก (ถ้าขาลอยไม่ขึ้น อาจจะใช้มือข้างที่ถนัดจับขอบสระไว้ และอีกข้างดันผนังสระในน้ำเพื่อช่วยในการพยุงตัว จากนั้นเริ่มเตะขาได้เลย ขาเหยียดตรง ปลายเท้างุ้ม งอเข่าได้เล็กน้อย แต่ไม่ถึงขนาดพับขาท่อนล่างนะ เพราะมันจะทำให้เคลื่อนที่ได้ช้า

เมื่อเริ่มตีขาได้แล้วก็อยากจะให้ลองก้มหน้าและเป่าลมพร้อมกับตีขาไปด้วย เริ่มจากเอามือเกาะขอบสระไว้ ยืดแขนออกให้สุด จากนั้นค่อยๆเริ่มตีขา พร้อมกับก้มหน้าลงในน้ำและเป่าลมออก พอหมดลมก็ให้เงยหน้าขึ้นมาอ้าปาก งับอากาศ เข้าไปพร้อมกับก้มหน้าลงในน้ำและเป่าลมออก ทำซ้ำไปเรื่อยๆ



ปลายเท้าห้ามชี้ลงพื้นสระ  แต่ให้ชี้ไปทางด้านหลัง (ขณะตีขาอยู่ในสระ)

เกร็ดความรู้  ถ้าเราทำจนเราถนัดหรือชินแล้ว ก็ลองเปลี่ยนมาใช้โฟม โดยการเกาะโฟมตีขาไปเรื่อยๆ จากขอบสระด้านหนึ่ง ไปขอบสระอีกด้านหนึ่ง ถ้าเราเตะขาแล้ว มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แปลว่าเราทำถูกต้องแล้วคะ  บางคนอาจจะเกาะขอบสระแล้วตีขาไม่ขึ้น อันนี้ไม่แปลกคะ แต่ให้ลองเปลี่ยนมาใช้โฟมเกาะแล้วค่อยๆตีขาไปเรื่อยๆแทน


โฟมสั้น  คือ  การเอาแขนทั้งแขนวางบนโฟม พร้อมกับตีขา
โฟมยาว คือ การจับที่ปลายโฟม พร้อมกับก้มหน้าหายใจ และตีขา

ถ้าไม่เข้าใจหรือไม่เห็นภาพ ไว้คราวหน้าจะพยายามเอาภาพมาลงให้ได้นะคะ

สร้างความคุ้นเคย ฉบับคนกลัวน้ำ คนเคยจมน้ำ เด็กกลัวน้ำจ้า

หน้านี้หนักหน่อย สำหรับคนกลัวน้ำแบบเข้าเส้น ขึ้นสมอง

เรามาเริ่มที่การไม่บังคับใจใคร เดินเลยไปลงสระเด็กได้เลยคะ เพราะสระเด็กน้ำตื้น ยืนถึง หายใจสบายอิอิ ลองเดินไปเรื่อยๆดู ลองนั่งที่ขอบสระ แกว่งขาไปเรื่อยๆ จนเราเริ่มชินกันน้ำ หลังจากนั้นมองไปที่สระใหญ่คะ เขยิบไปเดินที่สระใหญ่ดูบ้าง นั่งขอบสระ แกว่งขาเรื่อยๆ หลังจากนั้นค่อยๆหย่อนตัวลงไป ไม่ต้องกลัวจมน้ำนะ เพราะน้ำตื้นในสระผู้ใหญ่ยังไงเราก็ยืนถึงอยู่ดี หลังจากนั้นค่อยเดินคะ เดินไปเรื่อยๆเดินเลาะขอบสระไปคะ จับขอบสระแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ เดินไปจนเราเริ่มคุ้นเคย อาจจะใช้เวลานานแต่ก็ไม่ต้องรีบหรอกคะ สระเค้าเปิดทั้งวันอยู่แล้วชิมิ เริ่มชินหรือยังคะ เริ่มแล้วใช่ไหม จากนั้นเราลองใส่แว่นตากดันน้ำนะ แล้วลองค่อยๆย่อตัวลง แค่ย่อตัวลงนะยังไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ย่อตัวลงหรือไม่ก็ก้มหน้าลงมองในสระน้ำมองไปรอบๆค่อยย่อตัวลงไปทีละน้อยๆ จนตัวเราเริ่มอยู่ในน้ำได้ทั้งหมดแหละ 

สำหรับเด็กที่กลัวน้ำ อาจจะให้ลองเล่นสระเด็ก หาของเล่นไปด้วยของเล่นที่เด็กชอบ เอาไปทั้งแบบจมน้ำและแบบลอยน้ำได้นะ เพราะเด็กจะได้ทำความคุ้นเคยทั้งแบบอยู่ในน้ำและอยู่บนผิวน้ำ แรกอาจจะหลอกให้ลงน้ำยากหน่อย แต่พอได้ลงน้ำแล้วละก็ขึ้นก็ยากอย่างกับฉุดช้างเลยที่เดียวนะ

คราวนี้เราจะเอาเด็กมาลงสระให้ยังไงดีเนี่ย คำถามนี่แหละยากสำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ยากสำหรับคนอย่างเราหรอกเนอะ เริ่มจากเอาตัวเราไปลงน้ำก่อนนะ ลงไปยืนในสระใหญ่จากนั้นลองอุ้มเค้ามาแล้วก็พาเดินไปรอบๆสระ อาจจะหาห่วงยางมาให้ใส่ไว้ก่อน หรือไม่ก็เอาแถบแขนที่พองลม สวมไว้ที่แขนแล้ว
ก็ลองให้เค้าเล่นอยู่ใกล้เราเค้าก็จะเริ่มลอยตัวได้แล้วหละ

เกร็ดความรู้ สำหรับการเลือกห่วงยางหรือแถบแขนพองลมสำหรับเด็ก ควรเลือกขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะเด็กอาจจะลื่นหลุดออกจากห่างยางหรือแถบแขนพองลมได้ และก็ไม่ควรเลือกเล็กเกินไปจนเด็กไม่สามารถขยับตัว แขนหรือขาได้เช่นกัน

มันเป็นแค่ความเชื่อที่ว่าถ้าลองโยนใครลงน้ำแล้วจะว่ายน้ำเป็น ไม่จริงหรอกนะ เพราะมันจะทำให้คนคนนั้นจมน้ำและอาจจะขยาดจนไม่กล้าลงน้ำได้อีกเลยที่เดียวแหละ เพราะฉะนั้นค่อยๆพาลงไปจะดีกว่า อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าคนปรกติ แต่ก็ใจเย็นๆคะเดี๋ยวเราก็ทำได้ ต้องท่องไว้ว่า เราต้องทำได้สิ !!!

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เรามาเริ่มทำความคุ้นเคยกับน้ำในสระกันได้แล้ว

หลังจากเราจัดการทุกอย่างบนบกเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เรามาเริ่มทำความคุ้นเคยกับน้ำในสระบ้างดีกว่า

ขอแบ่งบุคคลเป็นสองประเภทนะ ประเภทแรกคือคนกลัวน้ำแทบขาดใจ (อ่านหน้าถัดไปคะ) กับคนที่ปรกติดี

เอาที่คนปรกติดีก่อนแล้วกัน เราก็เริ่มนั่งข้างสระ หย่อนขาลงไปในน้ำ แกว่งเล่นเล็กน้อย เพื่ออให้ร่างกายปรับสภาพกับน้ำในสระ หลังจากนั้นก็.... ลงไปยืนในสระได้เลย เดินเล่นในน้ำให้ร่างกายเราคุ้นเคยกับน้ำที่มีอุณหภูมิเย็นนิดหน่อย ลองเดินไปรอบๆสระ (แต่อย่าไปน้ำลึกนะ)  ลองค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ สำรวจสระว่าเราสามารถยืน หรือเดินได้จนถึงแค่ไหน เพื่อเราจะได้ไม่ไปเกินน้ำลึก

หลังจากทำความคุ้นเคยบนผิวน้ำแล้ว ก็มาต่อในเรื่องของลมหายใจกันบ้าง จากหนังสือบางเล่ม บ้างก็บอกว่าให้หายใจเข้าทางปาก และหายใจออกทางปาก หรือ บ้างก็บอกว่าหายใจเข้าทางปาก ออกทางจมูก เอาอย่างนี้นะ อธิบายง่ายๆเข้าใจง่ายๆ ถ้าเราถนัดแบบไหนก็ทำไปแบบนั้น แต่มีขอสังเกตอยู่ที่ว่า ถ้าเราหายใจเข้าทางปาก แล้วหายใจออกทางปากนั้น เวลาเราเป่าลมออกมันจะเข้าไปที่จมูกเรานั้นเอง ซึ่งจะทำให้เราสำลักน้ำได้ ก็เลยขอเปลี่ยนเป็นหายใจเข้าทางปาก แล้วไปออกทางจมูกจะดีกว่า
อีกอย่างข้อดีของการหายใจออกทางจมูกก็คือ เราจะสามารถค่อยๆผ่อนลมหายใจเราได้ สามารถบังคับให้หายใจออกทีละน้อยๆได้นั้นเอง ซึ่งจะทำให้เราอยู่ในน้ำได้นานขึ้นด้วยนะ จากนั้นลองทำในน้ำดู ตอนแรกเราอาจจะไม่คุ้นเคยบ้างก็เป่าไม่ออก บ้างก็ออกทางปาก บ้างก็สำลักน้ำ อยากจะบอกว่าให้ใจเย็นๆ ลองเป่าพรวดเดียวแล้วขึ้นมาเลยก็ได้ ( ง่ายๆคือ ทำเหมือนเราสั่งน้ำมูก เวลาเราไม่สบายนั้นเอง ) ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ จากครั้งเดียวก็เพิ่มเป็นสอง สาม สี่ หลังจากนั้นเราจะเริ่มคุ้นเคยแล้วหละ เดี๋ยวก็เป็น คราวนี้เราก็เป่าออกได้เรื่อยๆแล้ว อย่าลืมใส่แว่นตากันน้ำแล้วลืมตามองในน้ำด้วยนะ อย่าหลับตาหละ ทำซ้ำไปเรื่อยจนร่างกายเริ่มชินที่นี้ต่อไปเราก็ไม่ต้องสั่งให้ทำแล้ว เดี๋ยวร่างกายเราจะปรับได้เองอัตโนมัติเลย

อ่านมาถึงตรงแล้วอาจจะงง ว่าแล้วจะต้องลงไปอย่างไร หน้าต้องทำอย่างไร ต้องก้มไหม เงยหรือเปล่า
ที่จริงแล้ว แค่มือจับขอบสระไว้ ย่อขาลงในน้ำ ให้หลังตรงอย่าก้มหน้ามองที่พื้นสระนะ เพราะมันจะทำให้บางคนเป่าลมไม่ออก แค่ย่อตัวลงก็พอแล้ว เอาให้ตัวเราลงไปในน้ำทั้งหมดก็พอ ถ้าบางคนยังเป่าไม่ออก ก็ไม่เป็นไรเพราะครั้งแรกๆก็ไม่เคยมีทำได้เช่นกัน ( จากประสบการณ์ที่สอนมาทั้งหมด)

เกร็ดความรู้ ลองลงไปเป่าในน้ำเป่าเรื่อยๆ แล้วพยายามนับ 1-5  ให้ได้ แล้วค่อยขึ้นมาหายใจใหม่ ทำซ้ำไปเรื่อย แล้วก็นับให้นานขึ้น จาก 1-5 ก็กลายเป็น 1-6 จนถึง 1-10 แล้วเราจะสามารถอยู่ในน้ำได้นานขึ้นนั้นเอง

หลังจากทที่เราเริ่มคุ้นเคยกับการเป่าลมแล้ว คราวนี้ไม่ต้องคำนึงถึงการนับเลขแล้ว แต่อยากให้เป่าลมออกให้หมดปอดเลย เป่าจนเราต้องการลมหายใจใหม่นั้นเอง ค่อยเริ่มขึ้นมาหายใจแล้วก็ลงไปเป่าใหม่  อย่าฝืนตัวเองจนทำให้เรารู้สึกว่ายาก แต่อยากให้ใจเย็นๆค่อยทำ นักเรียนปลาบางคนนะ พอสอนเสร็จกลับบ้านไปเอากะละมังซักผ้า เอามารองน้ำจนเต็มแล้วก็ก้มหน้าเป่าลมก็มี

ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ยสำหรับผู้ใหญ่นะ เพราะสำหรับเด็กแล้วไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้หรอกคะ เพราะเด็กเค้ามีความกล้า และการปรับตัวได้ดีเยี่ยมเชียวหละ สอนแค่แป็บเดียว ครั้งเดียวก็เป็นเลย เด็กแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน เด็กก็เหมือนผู้ใหญ่นั้นแหละ บ้างก็กลัวน้ำ บ้างก็ชอบ ที่ชอบก็โล่งไปเพราะไม่ต้องหลอก แค่เห็นน้ำก็โดดลงไปไม่ต้องสั่งเลยทีเดียว

หน้าต่อไปสำหรับคนที่มีอาการกลัวน้ำเข้าเส้นเลือด หรือเด็กที่กลัวน้ำจับใจ เชิญอ่านค่ะ

ชุดว่ายน้ำ แว่นตา และอุปกรณ์ช่วยเหลือ

เล่ามาหลายหน้าและแต่ดันลืมเรื่องสำคัญที่สุดไป นั้นก็คือเรื่องชุดและอุปกรณ์ว่ายน้ำ

ชุดว่ายน้ำและแว่นตา คงเป็นปัญหาของคนหลายๆคน เพราะมันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ม๊าก มาก สำหรับคนที่ไม่มั่นใจในหุ่นและรูปร่างตัวเอง โอเค งั้นเรามาแก้ปัญหาก่อน (ไม่ใช่ว่าต้องไปลดน้ำหนักก่อน หรือว่าต้องไปศัลยกรรมมาก่อนนะ ) ก่อนอื่นเราต้องมั่นใจในตัวเราเองก่อน ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องหุ่นดีเหมือนนางแบบถึงจะใส่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้มีชุดว่ายน้ำหลายแบบมากมายให้เราเลือก

มาเลือกชุดว่ายน้ำก่อนเลย ชุดว่ายน้ำมีทั้งแบบ one pieace or two pieces แบบ one piece หรือแบบที่เรียนว่าชิ้นเดียว ก็ยังแยกออกเป็นหลายแบบ หลายลาย เอาแบบที่เข้าใจง่ายๆ เป็นแบบโชว์ต้นขา กับแบบไม่โชว์ (จะมาลักษณะคล้ายกระโปรง หรือกางเกงนั้นเอง )  และแบบ Two pieces ก็ตามชื่อนั้นแหละ เป็นแบบ 2 ท่อนนั้นเอง ด้านบนจะเป็นเสื้อมีทั้งแบบ สายเดี่ยว แขนสั้น แขนยาว  เสื้อก็จะมีลักษณะ สั้น หรือยาวจนปิดหน้าท้อง ส่วนกางเกงก็อาจจะเป็นแบบกางเกงเว้าโชว์ต้นข้าง กางกางขาสั้น หรือกางเกงขายาว และแบบสุดท้ายเราจะเรียกว่าชุด Suite เป็นชุดเดี่ยวแขนยาว ขายาว ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีส่วนช่วยให้ผู้สวมใส่ว่ายน้ำเป็นเร็วหรอกนะ แต่มันช่วยเสริมความมั่นใจต่ตัวผู้ที่สวมใส่เท่านั้น รวมทั้งเรื่องราคาที่อาจจะแตกต่างออกไปนั้นเอง  ที่สำคัญคือลองคะ ไปที่ห้าง หรือร้าน แล้วก็ลองคะ หลังจากสวมแล้วลองก้มดูซิว่ามันโป๊จนเห็นทะลุไปถึงพุงเลยไหม ถ้ารู้สึกว่าหลวมไปควรใส่ให้ฟิตอีกนิดนึง อย่าอายที่จะลอง ถ้ามันผิดพลาดแล้วคุณจะไปเปลี่ยนคืนไม่ได้นะ เพราะคุณจะรู้ข้อผิดพลาดก็ต่อเมื่อคุณลงไปในน้ำแล้วนั้นเอง แต่อย่ากังวลไปมากมายจนไม่กล้าซื้อ เอาแค่มันฟิตพอดี ก้มแล้วไม่โป๊มาก ก็โอเคแล้วหละ ส่วนเรื่องสีก็ตามชอบเลยคะ สีสว่างจะทำให้ดูตัวใหญ่ขึ้น ส่วนสีทึบก็จะทำให้ตัวเราเล็กลง ลายขวางทำให้ตัวเรากว้างขึ้น ลายทางยาวก็จะช่วยให้ตัวเราสูงขึ้น ถ้าสะโพกให้ก็ให้ใส่ชุดที่เป็นกระโปรงคะ แต่ถ้ายังเลือกไม่ได้ก็แนะนำเป็นชุดสีดำก็แล้วกัน

เกล็ดความรู้ ชุดว่ายน้ำจะยืดหยุ่นเมื่อคุณลงไปในน้ำแล้วนะ

เรื่องต่อมาก็คือ แว่นตา อันนี้สิสำคัญ แว่นตาก็มีหลายแบบอีกเช่นกัน อาจจะงงถ้าต้องไปเลือกเอง  จะบอกว่า ให้แกะออกมาลองใส่คะ (อย่าขำนะ ไม่ตลกเลย) เพราะอะไรหรอ ก็เพราะว่าตาคนเราไม่เหมือนกันนะสิ ความห่างของตาก็เหมือนกันมันไม่มีทางเท่ากันทุกคนหรอก ขอแยกชิ้นส่วนของแว่นออกเป็น 2 ส่วนนะ มีตัวแว่น กับสายรัดแว่น เอาที่ตัวแว่นก่อนแล้วกัน ลองเอามาทาบที่ตาดูว่าเราชอบไหม สีของเลนส์ก็มีส่วนสำคัญนะ แบบใสหรือไม่มีสี แบบสีชา หรือดำ แบบเคลือบปรอท ( เนื่องจากลองมาหมดแล้ว ได้ข้อสรุปว่าตัวเองชอบแบบไม่มีสีที่สุด ) แบบใสหรือไม่มีสีเหมาะสำหรับสระในร่มเพราะมันทำให้เราเห็นรอบๆข้างเราค่อนข้างชัดเจน หรือพื้นสระที่มีสีทึบ น้ำเงินเข็ม หรือสำหรับผู้ที่ชอบมองเห็นชัดเจน     แบบสีชาเหมาะสำหรับสระที่เปิดโล่ง สระกลางแจ้ง หรือเราต้องว่ายน้ำท่ามกลางแสงจ้า   และแบบเคลือบปรอทเหมาะสำหรับสระเปิดโล่งหรือกลางแจ้งอีกเช่นกัน  แต่ทั้งหมดทั้งปวงแล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้สวมใส่ ชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้นดีที่สุด  ต่อมาตรงกลางแว่นจะมีสายเชื่อมระหว่างแว่นด้านซ้ายกับด้านขวา ดูจากรูปถ้ายังงง มันจะมีแบบปรับได้กับปรับไม่ได้ ถ้าคิดว่าไม่มั่นใจก็ซื้อแบบปรับได้มาเถอะ เพราะระยะหว่างระหว่างตาแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนตาชิด บางคนตาห่าง และส่วนที่สองคือสายแว่นตา สายแว่นตานั้นยาก แต่อยากให้สังเกตดูนิดนึงตรงที่ปรับสาย ด้านข้างแว่นนะ ที่สายแว่นมีเส้นขวางหรือไม่ เพราะมันเป็นตัวล็อกไว้ไม่ให้สายที่เราปรับไว้มันขยับ หลังจากได้แบบที่เราต้องการแล้ว ลองสวมดู หรือไม่ก็ลองทาบดูที่ตาเราว่าแว่นตานั้นมีช่องตรงไหนหรือไม่ ส่วนใหญ่จะหลวมตรงหางตา ลองกลิ้งตาไปรอบๆดูว่าเรามองถนัดไหม เห็นชัดเจนหรือเปล่า จากนั้นดูที่หน้าเลนส์ว่ามีรอยหรือไม่ด้วยนะ 

ปรับตรงกลางแว่นได้



ปรับตรงกลางแว่นไม่ได้











เกร็ดความรู้ ควรเลือกแว่นและชุดให้เหมาะกับวัยนะ ถ้าสำหรับเด็กก็ควรซื้อสำหรับเด็น โดยเฉพาะแว่นตา อยากซื้อเผื่อโต แว่นตานะไม่ใช่เสื้อผ้า




ต่อมาก็คืออุปกรณ์ต่าง เริ่มที่หมวกก่อน สำหรับผู้หญิงก็ควรมี หมวกเท่าที่รู้ก็น่าจะมี 2 แบบ แบบผ้า และแบบซิลินโคลน แบบซิลิโคลนข้อดีคือผมเราจะไม่เปียก แต่ใส่ยาก ส่วนแบบผ้าใส่ง่าย แต่ยางจะยืดเร็วแค่นั้นเอง     ต่อไปคืออุปกรณ์ลอยตัว จะพวกโฟม หรือห่วงยาง แนะนำว่าซื้อโฟมที่เป็นเนื้อโฟมดีกว่า เป็นแบบคล้ายยาง งอได้ จะดีกว่า เพราะอายุการใช้งานดีกว่า มันไม่หักกลาง ส่วนแบบโฟมเบานั้นข้อดีคือเบามากและมันไม่ค่อยเป็นรอยหรือลอก แต่ถ้าเด็กเอาไปตีเล่นกันแป็บเดียวก็หักแล้วจ้า

เนื้อคล้ายยาง งอได้
เนื้อโฟมแข็ง งอไม่ได้

 ส่วนชุดเรื่องผู้ชายก็ไม่น่าจะมีปัญหามากเยอะเหมือนผู้หญิงนะ  แค่กางเกงว่ายน้ำพร้อม แว่นพร้อม ลงเลย สบาย ง่ายมาก

แต่ถ้ามีปัญหาก็ถามนะ


มาทำความรู้กับสระว่ายน้ำก่อนนะ

สิ่งต่อมาที่เราต้องรู้คือ สระว่ายน้ำ กว้างยาว ยาวเท่าไหร และที่สำคัญคือความลึกเท่าไหร เพราะแต่ละที่ความลึกไม่เท่ากัน และในแต่ละสระก็อาจจะลึกไม่เท่ากันทั้งสระด้วยเช่นกัน บางที่อาจจะตื้น จน ลึก ลักษณะคล้ายลาดลง แต่บางที่ก็อาจจะลึกที่ตรงกลางสระ ส่วนขอบสระด้านข้างตื้นเท่ากัน หรือที่เราเรียกว่าท้องเรือนั้นแหละ เพราะฉะนั้นสังเกตุจากป้าย หรือ คำอธิบายต่างๆที่สระประกาศไว้คะ  ส่วนใหญ่ก็จะมีป้ายเขียนไว้อยู่แล้วว่าความลึกเท่าไหรบ้าง หรือถ้าเป็นแบบลาดลงก็จะมีป้ายบอกตลอดว่าความลึกเท่าไหร หรืออาจจะเขียนไว้ที่พื้น แต่ถ้าหาไม่เจอจริงๆ ก็ ถาม ถามเท่านั้นอย่างเอาตัวเราไปเสี่ยงคะ ถามคนที่คุมสระ หรือที่เคาร์เตอร์เลยว่าสระเป็นลักษณะอย่างไร ลึกเท่าไหร แล้วมี Lifeguard หรือเปล่า 
เกร็ดความรู้ เราสามารถขอเข้าไปดูสระก่อนได้นะ ถ้าเราไม่แน่ใจในเรื่องสระ หรือความปลอดภัย ขอเจ้าหน้าที่เข้าดูสระก่อนจ่ายเงินดีกว่านะ เพราะถ้าเราไม่พอใจแล้วจะไปขอเงินคืนนั้นยากกว่า บางที่สระน้ำออกจะดูน้ำขุ่นนิดนึง บางคนไม่ชอบก็มีนะ

หลังจากรู้ความลึกของสระแล้วก็.... ไปลงน้ำเลยดีกว่า

Warm up ก่อน

การwarm up เป็นการยืดเส้นสายก่อนการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการเจ็บปวด กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อ เช่น ตะคริว เป็นต้น
ถ้าคุณอยู่ในสภาพอากาศร้อน ควรจะwarm up ประมาณ 5-10 นาที แต่ถ้าคุณอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นก็ควรจะwarm up ประมาณ 15-20 นาที

เกล็ดควรรู้ ร่างกายคนเราอุณหภูมิปกติอยู่ที่ 37 องศา แต่ถ้าเราอยู่ในที่ที่อากาศเย็น หรืออาบน้ำเย็น เราจะมีอาการสั่น หรือเรียกว่า Chill ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายเราสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับความหนาวเย็น แต่ถ้าเราเป็นไข้ไม่สบาย หรืออยู่ในที่ที่อากาศร้อนมากๆ หรือออกกำลังกาย ร่างกายเราจะมีเหงื่อออก ก็เพราะว่าเหงื่อเป็นตัวระบายความร้อนออกจากร่างกายเรานั้นเอง

ร่างกายเราอุณหภูมิที่พร้อมออกกำลังกายจึงควรจะอยู่ที่ 38 องศา เพราะฉะนั้นจึงมีการ warm up เกิดขึ้น เป็นการกระตุ้นและบอกร่างกายของเราว่าพร้อมแล้วนะ กล้ามเนื้อพร้อม เราจะสร้างความแข็งแรงให้กับเจ้าแล้วนะ จากนั้น ไปกระโดดน้ำกันเลย

อ้างอิงจาก http://www.ss.mahidol.ac.th/thai/KnowHealthpage12-7.html

เริ่มเรียนว่ายน้ำ ภาษาคน

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ว่ากระทบอะไรใครอื่น แต่ที่บอกว่าเป็นภาษาคนก็เพราะไม่ใช่ภาษาในหนังสือไง เพราะหนังสือบางคนอ่านแล้วไม่เข้าใจ บ้างก็ทำไม่ได้ ขนาดมีภาพประกบเรายังทำไม่ได้เลย พอทำไม่ได้มากๆก็เริ่มท้อ พอท้อก็ไม่เอาดีกว่า ครูบางคนก็ดุ เล่นเอาซะนักเรียนไม่อยากเรียน บางคนก็สอนเร็วจนงงไปหมด ทำออกมาก็เป็นลิงเลย


ขั้นตอนแรกของการเรียนว่ายน้ำ เราต้องถามตัวเองก่อนว่ายเราต้องการเรียนไปเพื่ออะไร  แต่ละบุคคลก็มีหลายเหตุผลต่างกันออกไป บางคนมาเรียนเพื่อต้องการแค่ออกกำลังกาย บางคนมาเรียนเพราะถูกบังคับไม่ว่าด้วยเรื่องปัญหาของสุขภาพ หรืออาชีพ ( แอร์ ) เป็นต้น หรือพ่อแม่บางท่านต้องการให้ลูกมาเรียนเพื่อไปเป็นนักกีฬา ทั้งหมดทั้งปวง และในที่สุดก็คือต้องเรียน

คราวนี้มาดูคุณสมบัติผู้เรียนดีกว่า

  1. เพศ       ---> ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ก็เรียนได้คะ
  2. อายุ       ---> เท่าไหรก็เรียนได้คะ วัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน หรือวัยชรา รับหมดคะ
  3. อาชีพ   ---> ทุกอาชีพ
  4. การศึกษา ---> ไม่จำกัดคะ
  5. ความสามารถพิเศษ ---> มีหรือไม่มีก็เรียนเถอะ เพราะอย่างน้อยคุณก็สามารถเพิ่มความสามารถพิเศษอีกหนึ่งอย่างเข้าไปได้ไงคะ
  6. รายได้ ---> ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากมาย หรือมีน้อยก็ตาม ค่าสระว่ายน้ำก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด ที่ทราบมาถูกที่สุดก็ประมาณ 30 บาท ( กกท.) คะ ส่วนค่าสอนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคลคะ
  7. สุขภาพ ---> ถ้าแข็งแรงอยู่แล้วก็มาเรียนเพื่อออกกำลังกาย หรือถ้าสุขภาพไม่ค่อยจะดีก็ยิ่งควรจะเรียน เพื่อให้ร่างกายของคุณแข็งแรง
เรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดนะ เพราะการว่ายน้ำเป็นกีฬาที่ถูกยอมรับมากที่สุดในวงการแพทย์ว่าปลอดภัยจากอุบัติเหตุ เจ็บปวดต่างๆน้อยที่สุด โดยเฉพาะหลัง กระดูก ข้อเข่า และอื่นๆ